สมณศักดิ์
ท่านเป็นพระเถระ ที่เอาภาระธุระทางศาสนา และได้เป็นกำลังของวัดรูปหนึ่ง เพราะได้อยู่วัดโสมนัสวิหารมาถึง ๓ สมัยของเจ้าอาวาสที่ครองวัดนี้ คือ ตั้งแต่สมัยท่านเจ้าคุณ พระราชพงษ์ปฏิพัทธ์อุปัชฌาย์ของท่าน จนถึงสมัยท่านเจ้าคุณพระพุทธวิริยากรท่านได้เป็นกำลังสำคัญรูปหนึ่ง ในการซ่อมแซม พระอุโบสถ และพระวิหาร ซึ่งเป็นการปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่.
ในสมัยสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (ยัง) ท่านได้รับแต่งตั้ง ให้เป็นพระครูสมุห์ และพระครูวินัยธรตามลำดับ อันเป็นฐานานุกรม ของเจ้าพระคุณสมเด็จ พระมหาวีรวงศ์ และเมื่อท่านย้ายจากคณะ ๑ มาอยู่คณะ ๕ ท่านก็ได้รับหน้าที่ในวัด เป็นเจ้าหน้าที่ในวัด โดยเป็นเจ้าหน้าที่ รักษาของสงฆ์ (ภัณฑาคาริก) และเป็นเจ้าหน้าที่รักษาพระวิหารด้วย. |
|
เป็นเจ้าอาวาสองค์ที่ ๕ ของวัดโสมนัสวิหาร
ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๔๗๗ ท่านได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็นพระครูสัญญาบัตรที่พระครูสิริปัญญามุนี ครั้นต่อมา ในวันที่ ๒๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๘๑ เมื่อท่านเจ้าพระคุณพระพุทธวิริยากรได้ถึงมรณภาพลง ท่านก็ได้รับแต่งตั้ง ให้เป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาส ครั้นต่อมาในปี พ.ศ. ๒๔๘๓ ท่านได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญในนามเดิมว่า "พระสิริปัญญามุนี" และเป็นเจ้าอาวาสวัดโสมนัสวิหาร |
|
การบูรณะปฏิสังขรณ์
ในสมัยที่ท่านเจ้าคุณพระสิริปัญญามุนี เป็นเจ้าอาวาสอยู่นี้ เป็นสมัยสงคราม เอเชียบูรพา ในระหว่างสงครามโลก ครั้งที่ 2 การก่อสร้างซ่อมแซมต่างๆ ภายในวัด ต้องหยุดชะงักหมด ทั้งทุนในการก่อสร้าง ก็มีน้อย ถึงแม้จะมีทุน ก็ทำไม่ได้ การศึกษาและการปฏิบัติ ก็พอทรงอยู่ ทั้งพระภิกษุสามเณรก็น้อยลง เพราะอยู่ในยามสงคราม ผู้ที่จะบวชใหม่ ก็ไม่ค่อยมี ผู้ที่จะเข้ามาจากต่างจังหวัด ก็มีน้อย ส่วนในด้านการจัดผลประโยชน์ของวัด เกี่ยวกับไวยาวัจกรนั้น ก็ได้จัดให้มีเป็นหลักฐาน เพื่อป้องกันการเสียหาย ที่จะบังเกิดขึ้นแก่ทรัพย์สินของวัด โดยมีกรรมการวัดเป็นผู้ช่วยเหลือ |
|
การปรับปรุงด้านหน้าวัด
ในปี พ.ศ. ๒๔๘๕ เทศบาลนครกรุงเทพฯ (ในสมัยนั้น) ได้ขออนุญาต รื้อศาลาหน้าวัด ริมคลองผดุงกรุงเกษมรวม ๕ หลัง และตัดต้นไม้ริมคลองทั้งหมด เพื่อปรับปรุงกรุงเทพมหานคร ให้สวยงาม ศาลาและต้นไม้เดิมของวัด ที่ริมคลองจึงหายไป เทศบาลได้ทำเขื่อน และปรับปรุงริมคลองใหม่ แต่ทางวัด ยังคงบอกเขตจำพรรษา ถึงคลองตามเดิม
|
|
อวสานของชีวิต
ครั้นถึงวันที่ ๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๘๙ ท่านเจ้าคุณพระสิริปัญญามุนี ได้ถึงแก่มรณภาพ ด้วยโรคชรา สิริรวมอายุของท่านได้ ๗๗ ปี และครองวัดอยู่ ๘ ปี
|